เพราะการขายหลายช่องทางนั้น ทำให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้เมื่อเกิดวิกฤตต่าง ๆ เเละมีการจำกัดการขายบางช่องทางแล้ว เราก็ยังสามารถขายได้ และสร้างโอกาสที่อาจเพิ่มขึ้นจากช่วงวิกฤตนี้ในช่องทางอื่น ๆแทน
การขายผ่านช่องทาง online marketplace เป็นที่นิยมมากขึ้น โดยส่วนสำคัญที่จะทำให้มียอดขายปัง ๆ คือ ผู้ขายต้องทำให้สินค้าของคุณติดหน้าแรกของเว็บนั้น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะเห็นสินค้าเรามากขึ้น และมีโอกาสซื้อมากขึ้นด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมร้านค้าที่เป็น Top Seller ขายดีเป็นเทน้ำเทท่านั่นเอง
ปัจจัยหลักที่จะทำให้อันดับของร้านค้าเพิ่มขึ้นได้ก็คือ
1. การมียอดเข้าชมที่สูง
2. มีอัตราการซื้อสูง
3. ปริมาณในการซื้อแต่ละครั้งสูง
วันนี้เราจึงได้รวมเอา 5 สุดยอดเทคนิคสำหรับขายบน marketplace ที่นิยมไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada และ JD Central มาเพื่อให้ผู้ขายออนไลน์ศึกษาและนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ยอดเข้าชม อัตราและปริมาณการซื้อในแต่ละครั้งกันค่ะ
สิ่งสำคัญสิ่งแรกของการขายออนไลน์ เพราะผู้ซื้อต้องเสริชค้นหาเข้ามาถึงจะเจอสินค้าของเรา ดังนั้นการตั้งชื่อสินค้าให้ชัดเจน เข้าใจง่ายเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรเป็นคำที่ยาวและบอกรายละเอียดสินค้ามากเกินไปค่ะ เพราะตรงนั้นสามารถใส่ไว้ตรงคำอธิบายเพิ่มเติมได้ เมื่อคำของเราเข้าถึงง่ายโอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามาก็สูง โดยผู้ขายสามารถค้นหา keyword ที่คนมักจะเสริชได้จาก Search Bar หรือเครื่องมือเช็ค keyword ต่าง ๆ เพื่อดูว่าคนส่วนใหญ่ค้นหาว่าอะไรกันจะได้เลือกนำมาตั้งให้ตรงใจลูกค้านั่นเองค่ะ สิ่งต่อไปคือรูป ที่ต้องโดดเด่นเตะตา และชัดเจน ที่สำคัญผู้ขายต้องกำหนดหมวดหมู่ของสินค้าให้ถูกต้อง และให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้าให้ครบถ้วนเพื่อเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจของลูกค้าค่ะ
เพราะการขายสินค้าให้ติดหน้าเเรก ร้านค้าต้องมีคะเเนนร้านค้าสูง และต้องสนใจเข้าร่วมเเคมเปญต่าง ๆ อยู่เสมอ หน้าเพจของการขายออนไลน์นั้นมี ช่องทางให้ลูกค้ามาแสดงความคิดเห็นได้ ดังนั้นผู้ขายต้องให้ความสนใจด้านการบริการเป็นพิเศษ ตอบแชทรวดเร็ว สินค้าต้องดีมีคุณภาพและจัดส่งอย่างรวดเร็ว เพราะคะเเนนรีวิว และคะเเนนการจัดส่ง นอกจากจะเป็นช่องทางโปรโมทให้กับเราแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้เราติดอันดับหน้าแรกของเว็บไซต์อีกด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ร้านเราติดหน้าเเรก คือการเข้าร่วมแคมเปญต่าง ๆ กับ marketplace ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญใหญ่ (Mega Campaign ) อย่าง 11.11 หรือ 12.12 เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผู้ซื้อมีความต้องการซื้อมาก หรือจะเป็นเเคมเปญเล็ก ๆ แต่ละสัปดาห์เพื่อดึงดูดให้ลุกค้าเข้ามาที่ร้านค้าออนไลน์ของเรานั่นเองค่ะ นอกจากนี้หากผู้ขายมีพฤติกรรมที่ดี อาจจะได้ฟังก์ชันพิเศษต่าง ๆ เพิ่มขึ้นในเว็บไซต์เช่น seller pick ต่าง ๆ เป็นต้น
เพราะการซื้อสินค้าออนไลน์มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นสินค้าที่ขายดีที่สุด อาจไม่ใช่สินค้าที่มีราคาถูกที่สุด แต่เป็นสินค้าที่มาจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ขายต้องทำ ดังนั้นผู้ขายต้องใส่ รายละเอียดสินค้า (Description) หรือรายละเอียด ประวัติความเป็นมาของร้านค้าให้ครบถ้วนชัดเจน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ถ้าสินค้ามีการรับประกัน (Warranty) ด้วยแล้วก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วยค่ะ
ผู้ขายอาจมีการตั้งราคาขายเช่น การคิดราคาแบบรวมต้นทุนกับกำไรที่คิดว่าจะได้ การขายอิงจากราคาตลาด (Market price) เป็นต้น เเต่เมื่อขายออนไลน์ก็ควรจะมีราคาส่วนลดเผื่อดึงดูดลูกค้าค่ะ เพราะการตั้งราคาสินค้าราคาถูกแต่ไม่มีส่วนลดนั้นไม่น่าดึงดูดเท่าไร ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ขายต้องมีราคาตั้งในระบบ ซึ่งควรจะห่างจากราคาจริงประมาน 30-50 % ซึ่งเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ผู้ขายออนไลน์มักทำ สามารถทำได้ไม่ผิด และได้ผลด้วยค่ะ ที่สำคัญใน marketplace เหล่านี้จะมีการเข้าร่วมเเคมเป็นต่าง ๆ ซึ่งราคาควรจะลดจากราคาขายเดิม ประมาณ 10% และในช่วงที่ tarffic ดี อาจจำเป็นจะต้องลดอีก
ดังนั้นเมื่อเข้าร่วมเเคมเปญต่าง ๆ ต้องเลือกชนิดสินค้าให้เหมาะสม ยิ่งหากคุณเป็นร้านค้าใหญ่ แคมเปญที่คุณสามารถร่วมได้ก็จะยิ่งเยอะ และต้องดูว่าสินค้าใดลดได้แล้วคุณไม่ขาดทุน และสินค้าใดที่ไม่ควรเข้าร่วมเเคมเปญบางอย่างค่ะ ในบางครั้ง ที่ลูกค้ามีความต้องการซื้อสูง ผู้ขายก็อาจจะใช้วิธี เพิ่มราคาสูงขึ้น หรือกดดูในฟังก์ชันราคาที่นิยม เพื่อดูราคาตลาดว่าสามารถพีคไปได้แค่ไหน เพื่อประกอบการตั้งราคาค่ะ อย่างไรก็ตามการลดราคาไม่ใช่แค่ทางเดียวค่ะ เพราะการส่งเสริมการขาย คุณสามารถ จัดชุดสินค้าเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้า และเพิ่มปริมาณในการขาย โดยสามารถจัดสินค้าเป็นชุดเซต หรือเป็น SKU ใหม่ ๆ ให้ลูกค้ามีความคุ้มค่ามากขึ้นและเราขายได้มากขึ้นค่ะ
เพราะการขายออนไลน์มีปัจจัยด้าน fulfillment ในเรื่องของการ เก็บ แพ็ค ส่ง สินค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นเพื่อให้คุณมีเวลาไปโฟกัสด้านการขายแล้ว MyCloudFulfillment ไม่เพียงแต่เป็นคลังสินค้า แต่พร้อมเป็นผู้ช่วยจัดการงานหลังบ้านต่าง ๆ ให้คุณ และจัดการทุกออเดอร์เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เพราะเรามีการทำงานทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ เราช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเเพ็คอย่างมืออาชีพ และจัดส่งอย่างรวดเร็วผ่านช่องทางต่าง ๆ สามารถเพิ่ม rating ให้กับร้านค้าคุณได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยคุณจัดเซ็ท bundle ให้เหมาะสมกับเเคมเปญต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คุณบอกมาเราก็จัดให้ได้ทุกรูปแบบ เพราะ MyCloud มีความยืดหยุ่น (flexible)มาก ที่จะตอบทุกโจทย์ของผู้ประกอบการค่ะ
นอกจากนี้การสู้กับผู้ขายรายอื่นที่ขายออนไลน์เหมือนกันนั้น ผู้ขายจะต้องรู้จักโปรโมทเมื่อเปลี่ยน platform และเเต่ละช่องทางควรจะขายสินค้าไม่เหมือนกัน หรือหากเหมือนก็ต้องมีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การแถมสินค้า การจัดเซ็ท แยก SKU เป็นต้น เพื่อเป็นจุดเด่นให้ต่างจากผู้อื่นและ หลีกเลี่ยงการขายสินค้าที่ลดราคาตัดกันโดยตรงค่ะ
ที่มา : https://www.mycloudfulfillment.com/