2. สร้างประสิทธิภาพการขาย สามารถกำหนดกระบวนการงานขายด้วย เมนู โอกาสทางการขาย ช่วยวิเคราะห์โอกาสทางการขาย รวมไปถึงการวางแผนติดตามงาน ทำให้ตัดสินใจเพื่อให้การขายคืบหน้าได้มากขึ้น เช่น การขอเข้าเยี่ยมลูกค้าร่วมกับทีมขายในดีลสำคัญ ก็สามารถบันทึกการนัดหมายเอาไว้ได้ การช่วยลูกน้องติดตามงานสำหรับดีลที่ไม่มีความเคลื่อนไหว การฝึกให้พนักงานรู้จักวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อนำไปสู่การสร้างยอดขายได้3. สร้างความสัมพันธ์ลูกค้า ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าไปสู่ยอดขาย บริหารจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ ข้อมูลการติดต่อมีความต่อเนื่องและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ทำให้คุณเข้าถึงและเข้าใจความต้องการของลูกค้า นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้4. สามารถทำสรุปรายงานประจำเดือนได้ง่ายขึ้น
รายงานการขายหรือเซลล์รีพอร์ทในยุคนี้คงหนีไม่พ้นการใช้ Excel ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีตารางให้กรอกกี่หมวดหมู่ก็แล้วแต่ประเภทของธุรกิจ บางธุรกิจมีรายละเอียดมากจนคุณต้องร้องเหวอ กลายเป็นว่าทำให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นไปอีกแถมยังน่าเบื่อ ยิ่งบางที่มีการใส่สูตรกันจนมั่วไปหมด ระบบ CRM เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์จากการใช้งานง่าย มีเมนูหรือไอเทมเกี่ยวกับการกรอกรายละเอียดสินค้าและบริการที่เป็นหมวดหมู่ มีเครื่องมือรวมรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเลข บันทึกสถานะการขายทุกขั้นตอน ไปจนถึงการเก็บข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อที่ยอดเยี่ยม เป็นต้น ทำให้คุณสามารถดึงข้อมูลออกมาใช้งานและทำให้การติดตามงานนั้นง่ายขึ้น ที่สำคัญคือสามารถดูสถานะการขายได้ง่ายมาก
5. สามารถใช้ข้อมูลเพื่อดูสถานะการขายได้ทันที
ระบบ CRM ที่ดีจะมีเมนูสรุปความเคลื่อนไหวของการขายตามที่นักขายบันทึกเอาไว้อย่างละเอียดและใช้งานง่าย เช่น ข้อมูลตัวเลขที่ปิดงานได้แล้ว ข้อมูลดีลที่ยังอยู่ในสถานะการติดตามงาน ข้อมูลอัปเดตล่าสุดและที่ผ่านๆ มาของแต่ละดีล เป็นต้น ทำให้คุณเองในฐานะผู้จัดการฝ่ายขายสามารถลงมือแก้ไขปัญหาหรือเพิ่มกิจกรรมทางการขายตามตัวเลขที่ได้ดึงข้อมูลออกมาดู ที่สำคัญคือการทำให้คุณช่วยทีมขายวางแผนล่วงหน้าเมื่อได้ดีลแล้ว เช่น วางแผนสต็อกสินค้าล่วงหน้า วางแผนเรื่องกำลังการผลิต ติดตั้งระบบหลังจากการขายเพื่อไม่ให้การตกลงรับงานมาแล้วนั้นต้องสะดุด เป็นต้น