นอกจากนี้ระบบ CRM มีความสำคัญขึ้นมาเนื่องจาก Technology ทางด้าน Computer, Internet ที่สามารถเข้ามารองรับงานทางด้านการให้บริการข่าวสาร และข้อมูลแก่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่
ประโยชน์ของระบบ CRM ที่จะได้รับคือเป็นการจัดการเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ (Satisfy customer) และนำไปสู่ความซื่อสัตย์ในการซื้อสินค้า และบริการจากผู้ขายรายเดิม (Loyalty customer) นอกจากนี้ลูกค้าจะต้องได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น มุ่งเน้นลูกค้าหลัก หรือลูกค้าสำคัญ จะเห็นว่าเดิมเป็นการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันขาย Solution หรือ System ซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า พร้อมส่งให้ลูกค้าพร้อมสินค้าของบริษัท หรือเมื่อมี Interaction จาก Access point ใด ๆ
e-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) เป็นเครื่องมือหรือช่องทางซึ่งใช้จุดเด่นของ Technology (เทคโนโลยี) มาช่วยใระบบ CRM โดย e-Commerce หมายถึง Internet (อินเทอร์เน็ต) แล้วยังหมายถึงการดำเนินธุรกิจโดยใช้รูปแบบทาง Electronic เข้ามาช่วย เช่น software ทางบัญชีแทนระบบเอกสาร โดยต้องให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ (strategy) ที่ตั้งไว้ก่อน มีทั้งรูปแบบที่ถูกกฎหมาย และผิดกฎหมายเช่น เมื่อลูกค้าสั่งซื้อยาจาก homepage แต่เวลาจัดส่งจะแจ้งเป็นสินค้าตัวอย่าง หรือเอกสาร เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้าม หรือภาษีระหว่างประเทศ? ซึ่ง e-Commerce มีข้อดีคือ เข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลกแบบไร้พรมแดน, เป็นสือที่รวดเร็ว, ช่วยลดต้นทุนเนื่องจากใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แทนพนักงานที่ต้องเพิ่มขึ้น หรือมี Webpage แทนหน้าร้านจริง ๆ สามารถขายได้ทั้งสินค้าและข้อมูล และเปิดบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
การจัดตั้งระบบ CRM ต้องเริ่มต้นที่ผู้เกี่ยวข้องทุกคนทุกแผนกต้องร่วมมือกัน ทำงานด้วยกัน เพื่อสนองความต้องการลูกค้าแต่ละคน (individual) เพื่อให้ได้เป้าหมายรวมคือคุณภาพสูง ราคาต่ำ และลูกค้ามีความพึ่งพอใจ อย่างสะดวก และสม่ำเสมอ (consistent) โดยใช้ communication และcoordination นำมาเลือกเน้นกลยุทธ์ 1 อย่าง จาก 3 อย่าง ออกมา เพราะไม่สามารถทำทั้ง 3 อย่างพร้อมกันคือเลือก
เมื่อได้เป้าหมายแล้วต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด โดยต้องมีผู้บริหารกำกับดูแลโดยเฉพาะ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับผู้บริหารระดับสูง เพราะเกี่ยวข้องกับทุกหน่วยงาน, งบประมาณในการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้เพื่อช่วยให้เกิดความสะดวกในการ ติดต่อสือสาร และต้องใช้เวลานานเป็นปี ๆ การทำงานต้องพิจารณาทุกกระบวนการถึงการแก้ไขปัญหาหรือตอบคำถามได้ทันทีเมื่อ มี interact ซึ่งการแก้ไขหรือคำตอบได้เตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้วทุก ๆ access point แต่อย่างไรก็ตามการทำ CRM จะมีแรงต้านเนื่องจากการเมือง เช่น ต้องตัดผ่านทุกแผนกให้ร่วมมือกัน แต่หัวหน้าขึ้นไปอาจไม่เข้าใจ, จากวัฒนธรรม เช่น การสูญเสียอำนาจในการตัดสินใจ, จากองค์กร เช่น ผังองค์การต้องหารือกันให้เข้าใจก่อนเริ่มทำระบบ
ตัวอย่างของการนำระบบ Computer (คอมพิวเตอร์) เข้ามาใช้ในเรื่องระบบ CRM คือ ระบบ Call center ซึ่งช่วยในการตอบคำถาม หรือข้อสงสัยของลูกค้าโดยการจัดทำเป็น Voice menu ไว้ให้ลูกค้าเลือกเมื่อโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา แต่ถ้าลูกค้าต้องการจะพูดคุยกับพนักงานก็สามารถเลือกได้ ซึ่งระบบนี้สามารถให้บริการลูกค้าให้มากขึ้น และสามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง อันนำมาซึ่งความพึงพอใจของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม วิทยากรได้สรุปความเห็นว่า การจะนำระบบ CRM มาใช้ในองค์กร ควรต้องคำนึงถึงรูปแบบ และความพร้อมขององค์กรด้วย ไม่จำเป็นว่าจะต้องนำระบบ computer เข้ามาใช้จึงจะสามารถสร้าง Relationship (รีเลชั่นชิพ) กับลูกค้าได้ แต่ยังมีอีกหลาย ๆวิธี เช่นการพบปะพูดคุยกับลูกค้า, การโทรศัพท์เพื่อสอบถามปัญหาจากลูกค้า, การส่งแบบสอบถาม หรือข้อมูลข่าวสารต่าง ๆให้ลูกค้าทราบ เป็นต้น แต่ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะสร้าง relationship กับลูกค้าคือ "ทุกคนในองค์กรต้องร่วมมือร่วมใจกันในการที่จะให้บริการลูกค้าให้ดีที่สุด"
ที่มา: mindphp.com