เชื่อว่านักการตลาดทั้งแบรนด์และเอเจนซี่ต่างก็มีข้อมูลของลูกค้าในมือกันอยู่แล้ว และการเดินหน้าทำเรื่องการสร้างประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าแบบดิจิทัลกันมากมาย ลงทุนกันมหาศาล อยู่แล้วใช่ไหมคะ แน่นอนว่านอกจากการทำเรื่องเครื่องมือดิจิทัล ช่องทางการเข้าถึงและการสื่อสารข้อมูลจากแบรนด์เป็นเรื่องสำคัญ แต่บางครั้งเราอาจจะลืมคิดถึงเรื่องของเส้นทางการเข้าถึงข้อมูลกว่าจะมาเจอแบรนด์ของเรา หรือประสบการณ์ในการเข้าถึงข้อมูลกว่าจะมาเจอแบรนด์ของเราก็เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นแล้วนะคะ
วันนี้ thumbsup จะมาช่วยค้นเส้นทางประสบการณ์ของลูกค้ากว่าจะมาเจอแบรนด์ของคุณไปพร้อมกัน เผื่อว่าจะนำไปปรับใช้กับเส้นทางของแบรนด์คุณและดึงมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เครื่องมือดิจิทัลอย่างเหมาะสมมากขึ้นกันค่ะ
แม้ว่าลูกค้าทุกคนจะชอบการดูแลและใส่ใจ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือพวกเขาไม่ชอบถูกขายในสินค้าที่ไม่ต้องการซื้อ เราจึงเห็นสินค้ากลุ่มความสวยความงาม ประกันสุขภาพ หรือแม้แต่แพคเกจอินเทอร์เน็ตที่มีความพยายามในการเดินเข้าหาลูกค้าแต่กลับได้รับการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย
นั่นอาจเป็นเพราะลูกค้าไม่ได้รับรู้ข้อมูลที่มากเพียงพอ หรือมองว่าข้อมูลที่เรานำเสนอนั้น เน้นไปที่การขายเพื่อเอาเงินมากกว่าการขายเพราะต้องการ “ดูแล” และ “ใส่ใจ” พวกเขาอย่างแท้จริง
สิ่งที่การเป็นแบรนด์หรือนักการตลาดควรทำไม่ใช่การพยายามขายแบบไม่ใส่ใจความต้องการของลูกค้า แต่ควรที่จะให้มูลค่าในด้านข้อมูลแก่ลูกค้ามากขึ้นไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้น การวางแผนเรื่อง Journey ของเส้นทางการซื้อสู่โอกาสทางการขายจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เผื่อว่าลูกค้าต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนอื่นเรามารู้จักพฤติกรรมของผู้บริโภคกันก่อนว่าเส้นทางการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และผู้บริโภคทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ดังนั้น เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจ ผู้บริโภคแต่ละประเภทจะเลือกอ่านข้อมูลที่หลากหลายผ่านช่องทางที่มากมายเพื่อค้นหาคำตอบให้ได้อย่างที่ต้องการ
ทั้งนี้ สิ่งที่นักการตลาดต้องรู้เท่าทันผู้บริโภคและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง
4. โอกาสที่เหมาะสมมีเพียงครั้งเดียว : การมี Journey Template ที่ดีจะช่วยให้แบรนด์และนักการตลาดเข้าถึง touchpoint ของลูกค้าที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ ไม่ว่าจะเป็น การพูดคุยกับพนักงานที่หน้าร้าน แชทหรืออ่านข้อมูลบนเว็บไซต์ การคุยกับฝ่ายบริการลูกค้าที่สาขา หรือสอบถามข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์และดิจิทัล อย่างช่องของแบรนด์บน YouTube เป็นต้น ทุกจุดเป็นโอกาสสื่อสารที่สร้างความประทับใจหรือการจดจำที่เลวร้ายทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าคุณจะมีโอกาสในการเชื่อมต่อและมีส่วนร่วมกับประสบการณ์ของลูกค้าได้ในระยะสั้นหรือระยะยาว ซึ่ง “ช่วงเวลาแห่งความจริง” เหล่านี้ คือ Customer Journey ที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม
5. ขั้นตอนการซื้อที่ไม่วุ่นวายทำให้แบรนด์ดูน่าสนใจ : ช่องทางการซื้อไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ บนโซเชียลมีเดียหรือแชท ต่างก็ต้องวิเคราะห์วิธีการใช้งานให้ง่ายและเหมาะสม เพราะถ้าวุ่นวายและยุ่งยาก ผู้บริโภคจะรู้สึกว่าไม่อยากทำต่อ นั่นจึงเสียโอกาสทางการขาย ดังนั้นการตรวจสอบเส้นทาง (Journey) ตั้งแต่เห็นสินค้าไปจนถึงขั้นตอนการสั่งซื้อและชำระเงิน และกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนจบได้ครบถึงเรียกว่าประสบความสำเร็จ แต่ก็ต้องใส่ใจบางขั้นตอนด้วยหากมีการใช้เวลานานกว่าขั้นตอนอื่นๆ มากจนเกินไป ก็อาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจกลางทาง
6. วัตถุประสงค์ของธุรกิจจะช่วยกำหนดเป้าหมายที่ถูกต้อง : หากมีช่องว่างใดเกิดขึ้นระหว่าง Journey ที่เดินตั้งแต่ต้นจนจบ นั่นแสดงว่าต้องปรับปรุงแผนการทำงานของทั้งทีมการตลาดและทีมโดยรอบที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำงานและรู้ลำดับขั้นตอนของงานได้ดีขึ้น รวมทั้งแยกไซโลขององค์กรให้ทั้งบริษัทตอบสนองเรื่องการทำงานได้ดีขึ้น
เมื่อวางแผนทุกสิ่งอย่างและปรับปรุงบางจุดได้พร้อมแล้ว ก็ลงมือทำกันเลยค่ะ
ที่มา : thumbsup.com