เทคนิคเพิ่มยอดขายแบบไม่แคร์เศรษฐกิจ

เทคนิคเพิ่มยอดขายแบบไม่แคร์เศรษฐกิจ


ถึงเศรษฐกิจจะค่อยไม่ดี แต่ว่ามีเทคนิคที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้คุณได้ จำไว้เสมอกำลังใจสำคัญ อย่าเพิ่งหวั่นไหวกับข่าวร้ายๆ ที่เข้ามา เลิกเหวี่ยงแหเพื่อจับลูกค้า โฟกัสเป้าหมายให้ชัดเจน พร้อมนำเสนอให้ตรงจุด และอย่าหยุดประชาสัมพันธ์ตัวเอง ที่สำคัญต้องหมั่นหาความรู้ เพิ่มพูนทักษะให้ตัวเองด้วย เท่านี้โอกาสที่จะเพิ่มยอดขายในภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยก็สามารถเป็นไปได้  ในสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างต้องหยุดชะงักตามไปด้วย  นั่นหมายความว่า คุณยังสามารถขายสินค้าในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ได้ เพียงแต่ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สักหน่อย เพื่อเรียกยอดขายให้กลับมา


1. อย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน 

การที่ข่าวออกมาว่าสภาพเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาลง ไม่ได้หมายความว่าจะกระทบกับยอดขายสินค้าของคุณ กำลังใจและความคิดของคุณเป็นสิ่งสำคัญมากต่อความสำเร็จ ขอให้คิดถึงและสนใจในเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ ถึงแม้ว่าจะทำใจไม่ง่ายนักที่จะคอยมองโลกในแง่ดี แต่เชื่อเถอะว่ากำลังใจสำคัญที่สุด


2. จำกัดกลุ่มเป้าหมาย 

พนักงานขายหลายคนใช้วิธีเหวี่ยงแหเพื่อจับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใกล้ วิธีการนี้ไม่ดี เพราะคุณจะเสียเวลาไปโดยไม่จำเป็น ดังนั้นแทนที่จะโทรศัพท์หาลูกค้าร้อยราย ให้กำหนดไปเลยว่าใครที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของคุณ


3. อย่าคิดว่าจะขายให้ใครก็ได้ 

หากคุณคิดแบบนี้แปลว่าคุณไม่รู้จะขายให้ใคร คุณควรใช้พลังที่มีอยู่อย่างฉลาด ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายแนะนำว่า ในช่วงแบบนี้คุณควรจำกัดการหาลูกค้าใหม่ไว้ที่ 25 รายก็พอ


4.
ใช้วิธีโฆษณาที่หลากหลาย 

เมื่อคุณกำหนดได้แล้วว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมาย ให้เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาผ่านการโฆษณาต่างๆ เช่น อีเมล์ โทรศัพท์ จัดงานเปิดตัว เป็นต้น แต่อย่าลืมว่าต้องวางแผนและกำหนดเวลาให้ดี


5. 
การนำเสนอต้องชัดเจน 

คุณต้องแน่ใจว่าการนำเสนอของคุณทุกครั้งเมื่อพบกับว่าที่ลูกค้าหรือลูกค้าปัจจุบันนั้น ตอบโจทย์ของพวกเขาได้จริง คุณไม่ต้องไปเล่าเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับบริษัท เช่น เปิดมานานแค่ไหน มีใครเป็นหุ้นส่วน ฯลฯ แต่ให้เน้นไปในส่วนที่ว่าเขาจะได้อะไรจากการซื้อสินค้าหรือบริการจากคุณ หากสินค้าของคุณช่วยลดค่าใช้จ่ายให้เขา ก็ให้บอกไปเลยว่าเท่าไหร่ หากสินค้าของคุณจะช่วยเพิ่มผลผลิตหรือลดข้อผิดพลาดได้ ก็ให้บอกไปเลยว่าลดได้อย่างไร การตัดสินใจซื้อของลูกค้าในขณะนี้อยู่ที่ความคุ้มค่ามากกว่าเรื่องอื่นใด


6.
ใกล้ชิดกับลูกค้า 

ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเชื่อมสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ลองมองหาหนทางว่าคุณจะช่วยแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในบริษัทลูกค้าได้อย่างไร นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องขายสินค้าเพิ่ม แต่หมายความว่าคุณอาจเป็นคนกลางช่วยหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยหรือแนะนำเรื่องต่างๆ


7. 
ห้ามหยุดการประชาสัมพันธ์ 

อย่ามุดเข้าไปซ่อนตัวในถ้ำแล้วรอจนกว่าเศรษฐกิจดีจึงค่อยออกมา ถึงป่านนั้นลูกค้าก็ลืมคุณไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องสร้างเครือข่ายให้ถูกสถานที่และเวลา เช่น คุณอาจจะเขียนบทความลงในนิตยสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ รับปาถกฐาหรือเป็นสปอนเซอร์ให้งานประชุมต่างๆ หรืออาจไปเป็นอาสาสมัครงานสังคมก็ได้ กลุ่มเป้าหมายอาจจะยังไม่มีงบที่จะซื้อสินค้าของคุณ ณ ขณะนี้ แต่หากคุณออกสังคมให้เห็นให้เป็นที่รู้จักบ่อยๆ แล้ววันหนึ่งเมื่อพวกเขาจะซื้อ เขาอาจเลือกซื้อสินค้าจากคุณมากกว่าจากคู่แข่งก็เป็นได้


8. 
ลับคมความรู้ 

ด้วยความสามารถและทักษะที่คุณมีในการทำธุรกิจส่งผลให้คุณเป็นคุณจวบจนทุกวันนี้ก็จริง แต่คุณจะไปต่อลำบาก หากไม่มีการฝึกฝนทักษะใหม่ๆ ในช่วงเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนแบบนี้ คุณควรฝึกทักษะการคิดด้วยการตั้งคำถามยากๆ ให้ตัวเองตอบ เช่น ลูกค้ามีกระบวนการซื้อที่เปลี่ยนไปอย่างไร คุณกำลังเผชิญกับความท้าทายอะไร อะไรที่จะทำให้ลูกค้าพอใจได้ในช่วงนี้และในอนาคต



ที่มา: businesslinx.globallinker.com

 622
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์