062-310-6964     sale@getmycrm.com    

หนีให้ห่าง 5 โรคใหม่ทำร้ายมนุษย์เงินเดือน

หนีให้ห่าง 5 โรคใหม่ทำร้ายมนุษย์เงินเดือน

มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มักคุ้นชินกับโรคอย่าง ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ที่มักเกิดกับคนวัยทำงานทั่วไป หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout)  แต่ทราบไหมว่า โรคสมัยนี้มีพัฒนาการไปมากแล้วทีเดียว มีโรคใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีในการทำงาน หรือโรคที่เกี่ยวกับเรื่องของจิตเวช มาทำความรู้จักกับ 5 โรคใหม่ ที่จะมาทำร้ายมนุษย์เงินเดือน ที่เราต้องรีบหาทางป้องกันตัวเองกัน 

           โรคยอดฮิตสำหรับคนวัยทำงานทั้ง 5 มีอะไรบ้าง มาดูกันดีกว่าค่ะ

           TOXIC POSITIVITY โรคมองโลกในแง่บวกเกินไป 

         "โรคมองโลกในแง่บวกเกินไป" หรือที่เรียกว่า "Toxic Positivity" เป็นสภาวะที่ผู้คนมองโลกในแง่บวกอย่างเดียวโดยไม่ยอมรับความซื่อสัตย์หรือความรู้สึกที่ไม่ดี แม้ว่ามันจะปรากฏเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะมองโลกในแง่บวก เพื่อมองเห็นโอกาสและสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น แต่การตัดสินใจที่จะมองโลกในแง่บวกเท่านั้นอาจทำให้เราละเลยถึงความซื่อสัตย์และความรู้สึกที่ไม่ดีของตนเองและคนรอบข้าง

Toxic Positivity อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่คนพยายามจับตามองโลกในแง่บวกโดยไม่สนใจหรือไม่ยอมรับความซื่อสัตย์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผู้คนที่ต้องการช่วยเหลือหรือสนับสนุนรู้สึกว่าความรู้สึกของตนไม่ได้รับการยอมรับ หรือว่ามันไม่สำคัญ

การมองโลกในแง่บวกมีข้อดีมากมาย แต่ควรจำไว้ว่าเราก็ต้องเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกที่มีค่า ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการจะรู้สึกดีตลอดเวลา ความซื่อสัตย์และการเห็นคุณค่าในความรู้สึกของเราเองและของผู้อื่นมีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้น ควรทำความเข้าใจถึงความรู้สึกของตนเองและผู้อื่นอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่เพียงแต่มองโลกในแง่บวกเท่านั้น

  

          PRINCE SYNDROME โรคยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่ 

         "Prince Syndrome" เป็นเงาของคำว่า "Princess Syndrome" ซึ่งในที่นี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าตนเองมีค่ามากเกินไป และควรได้รับการรับรู้และการจัดการที่พิเศษเหนือกว่าผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ส่วนมากจะมีการเกี่ยวข้องกับความคิดว่าตนเป็นคนพิเศษและมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น

ผู้ที่มี "Prince Syndrome" อาจมีความผิดเชิงกายภาพและความเจริญพันธุ์ที่มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้พฤติกรรมของเขามีลักษณะเป็นอิสระทางเพศ รวมถึงความเชื่อที่ตัวเองมีความสำคัญมากกว่าคนอื่น ทำให้พวกเขาเกิดความผิดพลาดในการสัมผัสสังคมและการร่วมงานกับผู้อื่น

การรับรู้ว่าทุกคนมีความสำคัญและมีคุณค่าอย่างเท่าเทียมกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พวกเราเป็นผู้ให้ความเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างเท่าเทียมกัน การมองโลกในแง่บวกและการเชื่อว่าตนเองมีค่ามีความสำคัญ แต่ยังควรมีการยอมรับความเป็นมนุษย์ที่มีข้อบกพร่องและการต้องการการรับรู้และการเคารพจากผู้อื่นเช่นกัน

 

          MISOPHONIA โรคเกลียดเสียง 

         "Misophonia" เป็นภาวะที่เกี่ยวกับการมีความไม่สบายหรือความเดือดร้อนอย่างมากในการได้ยินเสียงบางอย่าง ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่มีภาวะนี้รู้สึกเครียด โกรธ หรือไม่สบายใจ โดยมักจะเป็นเสียงที่ธรรมดาที่ผู้คนปกครองทนได้ เช่น เสียงกระบวนการย่ำยี การกินอาหารหรือการดื่มน้ำ การหาว เสียงของวัตถุที่มีเสียงเสียงดัง หรือเสียงของบุคคลอื่นที่เครียด

อาการของ Misophonia สามารถเกิดขึ้นได้ในวัยใดก็ได้ แต่มักจะมีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นในวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่เยาว์ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนทางจิตใจ และมักจะไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของอาการนี้

การจัดการกับ Misophonia อาจทำได้โดยการใช้เทคนิคการจัดการความเครียดและการเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ที่สามารถช่วยลดความรู้สึกของความไม่สบายใจหรือความเดือดร้อน อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพึ่งพาทางจิตใจ การใช้เทคนิคการหายใจ หรือการใช้การเรียนรู้ปฏิบัติการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและควรปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

 

          STUDENT SYNDROME โรครอ Deadline 

         "Student Syndrome" เป็นสภาวะที่พบได้ในนักศึกษาหรือนักเรียนที่มักจะลังเลเรื่องการทำงานหรือการเรียนรู้ไปจนกว่าจะใกล้เข้าสู่เวลาส่งงานหรือการสอบ แล้วจึงทำงานหรือเรียนรู้อย่างใจจดใจจ่อในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เวลาจะหมดลง ส่งผลให้เกิดความเครียดและกังวลเพิ่มขึ้นเมื่อต้องทำงานในเวลาที่ใกล้จะหมดลง

การแก้ไข "Student Syndrome" อาจจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อช่วยให้การเรียนรู้หรือการทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความเครียด ต่อไปนี้คือวิธีการที่สามารถช่วยลดอาการของ "Student Syndrome":

  1. การวางแผนเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวสำหรับงานหรือการเรียนรู้ เช่น กำหนดเป้าหมายรายวันหรือรายสัปดาห์ และใส่ว่าจะทำอะไรในแต่ละวัน

  2. การจัดการเวลา: ใช้เทคนิคการจัดการเวลา เช่น การใช้ปฏิทินหรือตารางงาน เพื่อช่วยวางแผนกิจกรรมและงานให้เป็นระเบียบ

  3. การเริ่มต้นทันที: ไม่ควรรอให้เข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มทำงาน ควรเริ่มต้นทำงานหรือเรียนรู้ทันทีเมื่อได้รับการมอบหมายหรือกำหนดเวลา

  4. การทำงานหรือการเรียนรู้เป็นระยะ: แบ่งงานหรือเนื้อหาการเรียนรู้ออกเป็นส่วนย่อยๆ และทำงานหรือเรียนรู้บ้างเบาๆ ในแต่ละรอบเพื่อไม่ให้รู้สึกหนักและเหนื่อยจนเกินไป

  5. การหาความช่วยเหลือ: หากมีความจำเป็น ควรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานหรือครอบครัว เพื่อช่วยในการดำเนินงานหรือการเรียนรู้ให้สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

          TEXT NECK SYNDROME โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทส่วนคอ 

         "Text Neck Syndrome" เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อมีการใช้สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ โดยที่คอจะโค้งไปด้านหน้าเกินไปในระหว่างการมองหน้าจอ เป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้กระดูกทับเส้นประสาทในส่วนของคอเกิดการเคลื่อนไหวและรบกวนภาวะที่ดีของกระดูกสันหลัง

สาเหตุหลักของ Text Neck Syndrome คือการนำคอไปโค้งไปด้านหน้าเกินไปในระหว่างการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณกำลังมองหาและใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานานๆ โดยที่ไม่มีการรับรู้ถึงท่านั่งหรือท่าทางที่ถูกต้อง เมื่อใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ คุณอาจมีแนวโน้มที่จะเอียงหน้าอกไปข้างล่าง และโค้งคอไปด้านหน้า

การป้องกัน Text Neck Syndrome รวมถึง:

  1. การรักษาท่านั่งและท่าทางที่ถูกต้อง: สร้างความตระหนักในท่านั่งที่ถูกต้องเมื่อใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยให้ระยะห่างระหว่างหน้าอกกับหน้าจอมือถือ ควรยืนตรง หรือนั่งบนเก้าอี้ที่รองรับได้และมีรองพื้นที่สำหรับหลัง
  2. การพักผ่อนและการเปลี่ยนท่า: ทำการพักผ่อนโดยประมาณทุก 30-60 นาทีหรือตามความเหมาะสม และเปลี่ยนท่าทางเพื่อลดการก้มตัวของคอและหน้าอก
  3. การปรับแต่งหน้าจอ: ปรับความสูงของหน้าจอเพื่อให้อยู่ในระดับสายตาและไม่ต้องโค้งคอ
  4. การออกกำลังกายและการเสริมหน้าท้อง: ออกกำลังกายเพื่อเสริมและปรับเส้นเอียงของกล้ามเนื้อที่ประสาทส่วนคอ
  5. การควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: จำกัดเวลาการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรับรู้ถึงท่าทางที่ถูกต้องในการใช้งาน
  6. การปรับการตั้งคอ: คอควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ตรงๆ เมื่อท่านใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดการกดทับบนกระดูกสันหลังและเส้นประสาทในคอ

 309
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์