062-310-6964     sale@getmycrm.com    

เพราะอะไรแบรนด์ควรปรับกลยุทธ์การตลาด จากอีเมล์ดั้งเดิมสู่มาร์เก็ตติ้ง Video-based Email

เพราะอะไรแบรนด์ควรปรับกลยุทธ์การตลาด จากอีเมล์ดั้งเดิมสู่มาร์เก็ตติ้ง Video-based Email

     รู้หรือไม่ว่า อีเมลการตลาดที่แบรนด์และธุรกิจมักจะส่งหาลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายอยู่บ่อยๆ บางทีก็สร้างความรำคาญใจมากกว่าทำให้ประทับใจ หากดีลนั้นๆ ไม่ได้รู้สึกพิเศษหรือตรงใจพวกเขาจริงๆ

     แต่หากอีเมลการตลาดถูกส่งไปยังผู้บริโภคด้วยวิธีใหม่ และสร้างสรรค์มากกว่าเดิม อย่างเช่น “อีเมลการตลาดในรูปแบบวิดีโอ” (Video-based Email) สามารถช่วยให้อารมณ์ในเชิงลบต่อแบรนด์ลดลงได้ อีกทั้งยังมีโอกาสที่ผู้บริโภคจะดูคอนเทนต์เราจนจบ และเข้าใจสิ่งที่จะสื่อสารถึงพวกเขา

     สมมุติฐานที่เล่ามานั้นมีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์อ้างอิงว่าเป็นไปได้สูง โดย ดร.Carmen Simon นักประสาทวิทยาและหัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ Corporate Visions บริษัทที่ให้บริการโปรแกรมการฝึกอบรมด้านการตลาดและการขายที่สนับสนุนมาจากวิทยาศาสตร์

โดยเขาพูดว่า “ผลการศึกษาเห็นได้ชัดว่า สมองของคนเราตอบสนองกับอีเมลการขายแบบวิดีโอมากกว่าอีเมลการขายแบบตัวอักษร โดยกลุ่มผู้ทดสอบรู้สึกในเชิงบวกกับอีเมลที่ได้รับ

     ขณะเดียวกัน อีเมลการตลาดที่เป็นตัวอักษร (Text-based Email) ยิ่งมีปริมาณมากและมีความถี่มากเท่าไหร่ ยิ่งสร้างความกังวล รำคาญใจมากเท่านั้น อีกทั้งมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประหลาดใจจากที่เห็นผลการศึกษา พบว่า ผู้คนบางส่วนจะรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจ (unpleasant) ทันทีที่เห็น ข้อความขาเข้า’ (inbox) ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดอีเมลฉบับนั้นดู ถือว่าเป็นฝันร้ายของธุรกิจที่ผู้บริโภคมีความรู้สึกแบบนี้ลึกๆ

ทำไมผู้บริโภครู้สึกผ่อนคลายถ้าอีเมลการตลาดเป็น Video

     ในคำอธิบายทางวิทยศาสตร์แบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เวลาที่ตามองเห็น และหูเราได้ยินเสียง จะกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นมากกว่า และเกิดความสนใจมากกว่าที่เราอ่านเอง (แบบตัวอักษร) เหตุผลก็เพราะว่า ระบบสมองต้องประมวลผลนานกว่า ในการตีความหมาย จินตนาการตามที่อ่าน เป็นต้น

     ดร.Simon พูดว่า ประสาทสัมผัสที่ทำงานพร้อมกันในระหว่างที่เราเสพคอนเทนต์นั้นๆ จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายกว่า เพราะสภาวะจิตใจที่เป็นกลางทำให้ไม่มีอารมณ์เชิงลบเกิดขึ้น

เราคงไม่ต้องอธิบายลงรายละเอียดว่า ในระหว่างการทดสอบพวกเขาทำอย่างไร เพราะส่วนใหญ่มันเกี่ยวกับคลื่นสมองและความจำ ซึ่งโดยรวมๆ แล้วการดูคอนเทนต์แบบวิดีโอทำให้เราเห็นข้อมูล ข้อความที่จะสื่อสารชัดเจนขึ้น ไม่ต้องตีความ และมีดนตรีเสียงเพลงในการให้สมองเข้าใจว่า คอนเทนต์นี้เราควรต้องรู้สึกอย่างไร ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องมานั่งตีความซ้ำ และนั่นคือการทำให้ผู้บริโภครู้สึกผ่อนคลายเวลาที่พวกเขาเห็นอีเมลของเรา

โดยตัวแปรที่ทีมของ ดร.Simon วิเคราะห์จากอุปกรณ์ในการทำการทดลอง เพราะสรุปสมมุติฐานนี้ ก็คือ

  • ความสนใจเป็นอย่างไร
  • สมองรู้สึกสนุกกับประสบการณ์นี้มากแค่ไหน
  • ความตื่นตัวของสมองเมื่อได้รับประสบการณ์นี้
  • ความเหนื่อยล้า
  • หน่วยความจำในการทำงาน
  • แรงจูงใจในการทำหรือมีส่วนร่วม

 

ทั้งนี้ อยากจะเสริมด้วยข้อมูลอื่นจากการทดลองในครั้งนี้ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจหรือแบรนด์ในการปรับปรุงอีเมลการตลาดได้ต่อไป

  • ผู้อ่าน(อีเมล) ชอบอ่านแค่ข้อความเริ่มต้น หรือย่อหน้าแรก และไม่สนใจด้วยว่าอีเมลข้อความ (text) จะยาวแค่ไหน
  • ประโยคสั้น และย่อหน้าประโยคที่สั้นจะดึงความสนใจได้มากกว่า
  • ภาษาที่ใช้ง่ายทำให้ผู้อ่านเห็นภาพ ช่วยให้สมองทำงานง่ายขึ้นไม่ต้องคิดซับซ้อน
  • การใช้คำสั้นๆ ทั้งหัวเรื่อง, เกริ่นก่อนเริ่มข้อความ, ชื่อวิดีโอ, ข้อความปิดท้ายซ้ำๆ กับคำเริ่มต้นจะทำให้ผู้อ่าน-ผู้ชมวิดีโอจำวลีนั้ๆ ได้ดี
  • อีเมลแบบวิดีโอเรียกความสนใจได้มากกว่า ทำให้เกิดความทรงจำที่แม่นยำกว่า
  • องค์ประกอบรวม เช่น ภาพ เสียง สตอรี่ ความยาวของวิดีโอ ข้อความที่ใช้ ฯลฯ มีส่วนทำให้ความจดจำดีขึ้นถ้าถูกใจ

 

หากดูจากข้อมูลทั้งหมดจากการวิเคราะห์ของทีม ดร.Simon เห็นได้ชัดว่า การทำการตลาดทางอีเมลในรูปแบบวิดีโอ น่าจะสร้างประโยชน์กับการเติบโตของธุรกิจได้ ดังนั้นในยุคนี้ creativity ถือว่าสำคัญมาก และแทรกซึมอยู่ในเกือบทุกๆ กระบวนการพัฒนาของธุรกิจในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.marketingoops.com/

 257
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์