ทำไมหนึ่งในวิธีการบริหารที่ระดับ C-suite ทำพลาดมากที่สุด คือ ลงทุนในเทคโนโลยีมากกว่าคน

ทำไมหนึ่งในวิธีการบริหารที่ระดับ C-suite ทำพลาดมากที่สุด คือ ลงทุนในเทคโนโลยีมากกว่าคน

แม้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี ดิจิทัลไปเสียหมด แต่บางทีก็ไม่ได้หมายความว่า การใช้เทคโนโลยีนำคน หรือมุ่งการลงทุนไปที่เทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ในการขับเคลื่อนธุรกิจ จะเป็นสูตรสำเร็จที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้

การสำรวจของ Korn Ferry บริษัทให้คำปรึกษาด้านการจัดการซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอสแองเจลิสและแคลิฟอร์เนีย ได้สำรวจผู้บริษัทระดับสูง (C-suite) ทั่วโลกจำนวน 800 คน ในประเด็นชวนสงสัยว่า ทำไมปัจจุบันความถี่ในการลาออกของพนักงานถึงสูงขึ้นในหลายบริษัท แม้ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ที่เป็นความฝันของใครหลายคนก็ตาม

มีหนึ่งประโยคที่ได้จากการสำรวจ และชวนให้คิด ก็คือ “หลายคนเชื่อว่าเทคโนโลยี คือสิ่งมหัศจรรย์ที่มาช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง แต่ความจริงก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างลูกจ้าง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในระหว่างการทำงาน เทคโนโลยีกลับไม่เคยเข้ามาช่วยแก้ไขได้”

Korn Ferry ชี้ว่า จุดบอดที่สำคัญที่สุดจากการสำรวจครั้งนี้ กลุ่ม C-suite มองว่า การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้ต้องมีเทคโนโลยีที่ดี การลงทุนในนวัตกรรมจึงเป็นหนึ่งในการลงทุนปรับโครงสร้างองค์กรที่จำเป็นในมุมมองของพวกเขา โดยมองว่าการลงทุนในทรัพยากรคนอาจไม่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับบริษัทเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ตามมาและเกิดขึ้นแล้วในหลายบริษัททั้งใหญ่-เล็กทั่วโลก ก็คือ พนักงานลาออกมากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า การลงทุนในเทคโนโลยีที่มากเกินไปทำให้พวกเขารู้สึกไม่มั่นคง และมองว่าสภาพแวดล้อมการทำงานไม่น่าสนใจอีกต่อไป

 การทำงานรูปแบบ work-for-pay อาจไม่ตอบโจทย์

การทำงานรูปแบบ work-for-pay หรือ การทำงานแบบจ่ายค่าจ้าง ซึ่งเป็นโมเดลเก่าที่ใช้กันมานาน นั่นคือ การดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของพนักงานคนนั้นๆ ออกมาเพื่อซัพพอทบริษัท ซึ่งการลงทุนในเทคโนโลยีเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะเป็นเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับองค์กร

แต่ผู้บริหารที่ทำการสำรวจ พูดว่า การมุ่งที่ไปความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยไม่สนใจว่าบุคคลากรที่ทำงาน(ส่วนใหญ่) ให้กับบริษัท จะปรับตัวได้หรือไม่ และเห็นด้วยกับการลงทุนในนวัตกรรมนั้นๆ หรือไม่ ถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมากในการบริหารงาน เพราะกลุ่มที่ขับเคลื่อนการเติบโตให้องค์กรกว่า 80% ยังคงเป็น ‘ทรัพยากรคน’

“ตราบใดที่ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างลูกจ้างยังไม่สนิทใจ และวัฒนธรรมองค์กรยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทิศทางการเติบโตของธุรกิจจะยังสั่นคลอนอยู่อย่างนี้”

 โดยสิ่งแรกที่ C-suite สามารถทำได้เร็วที่สุด ก่อนจะมองหาการลงทุนในเทคโนโลยีใดๆ คือ การสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานในองค์กรอีกครั้ง โดยมี 3 วิธีที่ Korn Ferry แนะนำเพื่อชุบความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม C-suite กับคนในองค์กร

 ครอบงำพนักงาน – ให้ความสำคัญเหมือนเป็นลูกค้า

การครอบงำในความหมายของ Korn Ferry คือ การพยายามทำความเข้าใจพนักงานของตัวเองเหมือนที่เราพยายามเข้าใจลูกค้า ครอบงำจิตใจพวกเขาด้วยการ ถาม – ทำความรู้จัก  อัพเดท’ ที่สำคัญคือ การให้ในสิ่งที่พื้นฐานมนุษย์ทุกคนต้องการ เช่น ความสะดวกสบาย, ความเข้าใจ หรือสวัสดิการเล็กน้อยอื่นๆ

เมื่อนึกถึงตัวอย่างก็คงต้องพูดถึง Silicon Valley ลองคิดดูว่าหลายๆ บริษัทในนั้นจะมีพื้นที่ส่วนกลาง เช่น โต๊ะพูล, โต๊ะปิงปิง, มุมเบียร์สด ไปเพื่ออะไรทั้งที่ไม่จำเป็นต่อการทำงาน?

และถึงแม้ว่าภาวะการระบาดของ COVID-19 ทำให้ทุกคนต้อง Work From Home แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกพิเศษเหล่านี้ยังคงมีอยู่แค่เปลี่ยนรูปแบบ ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่สวัสดิการดีแค่ไหน แต่อยู่ที่ C-suite ใส่ใจพนักงานของตัวเองมากแค่ไหน

 สร้างโมเดลการทำงานรูปแบบ ‘มนุษยชาติ’

การทำงานโมเดลรูปแบบ มนุษยชาติ ในบริบทนี้คือ เริ่มจากการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรด้วยการให้ความสำคัญกับพนักงานเท่าๆ กัน รวมไปถึงการฉลองวันพิเศษที่ยอมรับตรงกันทั้งบริษัท อาจจะฟังดูเป็นเรื่องไร้สาระแต่ว่าคำจำกัดความของมนุษยชาติ อย่างน้อยๆ ต้องเห็นว่าความเท่าเทียมเกิดขึ้นจริงในองค์กร

เช่น การทำให้พนักงานรู้สึกว่า ‘ชีวิตส่วนตัว’ มีความสำคัญกับคนร่วมงานด้วย, การจัดวันประชุม 1 วันเพื่อการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องชีวิตความเป็นอยู่โดยเฉพาะ เป็นต้น

 จัดความสำคัญกับเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับ ‘พนักงาน’

ก่อนอื่นต้องย้ำว่า การลงทุนในเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมยังสำคัญ แต่การลงทุนนั้นๆ ต้องเหมาะสมกับคนในองค์กรด้วย โดยการลงทุนในเทคโนโลยีจะต้องซัทพอทการทำงานให้กับพนักงานในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของแต่ละคน ไม่ใช่ลงทุนเพื่อ set standard เดียวกัน

ที่สำคัญเทคโนโลยีที่จะเข้ามาต้องไม่ทำให้การทำงานของพวกเขาหนักขึ้น โดยผลสำรวจ Eagle Hill Consulting Employee Experience Survey 2021 ชี้ว่า พนักงานรู้สึกท้อและหน่ายกับการทำงานแบบ Work From Home เพราะเทคโนโลยีทำให้พวกเขาทำงานหนักขึ้น มีชั่วโมงการทำงานที่นานขึ้น

ทั้งนี้ ไม่ว่าโลกจะหมุนไปไกลแค่ไหน เทคโนโลยีนวัตกรรมจะล้ำหน้ามากเพียงใด แต่อย่าลืมว่าสัดส่วนใหญ่ของการเติบโตของธุรกิจยังขับเคลื่อนด้วยคน ดังนั้น ความเหมาะสมที่ balance ได้ทั้งพนักงานของตัวเองกับเทคโนโลยีจึงต้องไปคู่กัน

 ที่มา : https://www.marketingoops.com/

 221
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์