ปี 2020 นี้นับว่าเป็นปีที่หนักหน่วงมาก เอาแค่ประเทศไทยเองก็มีประเด็นหนักๆมาตั้งแต่ต้นปี และยาวมาเรื่อยๆในขณะที่สถานการณ์ของทุกประเทศในโลกที่เจอเรื่องโควิด 19 ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจกำลังกระจายตัวได้ชัดเจนลุกลามเป็นวิกฤตหนักพอๆกับโควิดเลยทีเดียว โลกของคนทำธุรกิจและการทำการตลาดไม่ว่าจะระดับใหญ่หรือเล็กในตอนนี้ก็ได้รับผลกระทบกันไปตามๆกัน แต่จะมากหรือน้อยก็แตกต่างกันไป มีหลายธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับผลกระทบเหมือนกันแต่ก็ถือว่าน้อยและยังไปต่อได้เรื่อยๆเพราะมีการวางแผนธุรกิจที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการทำ Content Marketing ที่ใช้สื่อสารและดึงดูดลูกค้า ทำให้แม้จะเผชิญสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างไร ธุรกิจก็ยังคงไปต่อได้เรื่อยๆสำหรับธุรกิจไหนที่พอจะเริ่มฟื้นบ้างแล้ว และต้องการจะให้ธุรกิจของตนเองติดลมบนบ้าง ก็ลองมาหาแนวทางทำ Content Marketingของตนเองกันดีกว่า แต่จะทำอย่างไรแบบไหนดี เรามีคำแนะนำเบื้องต้นมาฝาก
วันนี้เห็นการเปลี่ยนเร็ว สถานการณ์เปลี่ยนไว จึงทำให้ใจของคนเปลี่ยนเร็วตามไปด้วย การจะทำ Content Marketing จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอให้สอดคล้องกับความสนใจที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค แน่นอนว่าด้วยความสามารถหรือข้อจำกัดด้านเวลาและเงินทุนหรือกำลังคนของเราอาจไม่เอื้ออำนวยต่อการขับเปลี่ยนแพลตฟอร์มหรือรูปแบบการนำเสนอได้ทันที ยิ่งมีช่องทางที่ต้องเสนอมากขึ้นหรือรูปแบบที่หลากหลายขึ้น นั่นย่อมหมายถึงงานที่เพิ่มขึ้นด้วย
วิธีการปรับตัวในสถานการณ์แบบนี้ จึงอยากจะแนะนำให้ทุกคนลองปรับวิธีการทำ Content Marketing ให้ออกมาในรูปแบบการเล่าเรื่อง หรือ Storytelling กันให้มากขึ้น เพราะการเล่าเรื่องช่วยให้เรื่องที่ยากๆกลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการ Storytelling ที่ช่วยทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองมากขึ้นของแบรนด์ อีกอย่างการเล่าเรื่องสามารถทำได้ในทุกแพลตฟอร์ม นำเสนอได้หลากหลายรูปแบบ ใครคิดว่าต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์มการนำเสนอก็บอกเลยว่าก็ไม่จำเป็น ถ้าปกติ คุณทำ Content Marketing บนเว็บไซต์ในรูปแบบของบทความ คุณก็สามารถทำแบบเดิมได้เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการเขียน เลือกประเด็นใหม่ แล้วนำเสนอในแบบเรื่องเล่าแทนก็ใช้ได้แล้ว หรือใครทำบน Facebook ก็ไม่ต้องเปลี่ยนไปทำบน YouTube ให้เปลืองงบต้นทุน ลองใส่ไอเดีย Storytelling ลงไปในโพสต์หน่อย เพิ่มการเล่าเรื่องโดยใช้รูปภาพบ้าง หรือจะไลฟ์สดเล่าเรื่องไปเลยก็ช่วยได้เหมือนกัน แบบนี้สามารถทำให้ลูกค้าเข้าหาเราและยังคงเหนียวแน่นอยู่กับเราได้
ถ้าคุณสังเกตให้ดี แบรนด์ธุรกิจชั้นนำมักจะหาวิธี Storytelling ใหม่ๆอยู่เสมอ พวกเขามักจะหาวิธีการทำคอนเทนต์ในรูปแบบใหม่ๆ หาวิธีการนำเสนอโฆษณาสินค้าหรือแบรนด์ตนเองในรูปแบบใหม่อยู่เรื่อยๆ อย่างการเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ก็ถือเป็นวิธีการหนึ่ง ที่สะท้อนการไม่ยึดติดอะไรเดิมๆยิ่งถ้าคุณเป็นแบรนด์เล็ก เป็นกลุ่มธุรกิจ SME ยิ่งต้องอาศัยข้อได้เปรียบในขนาดธุรกิจให้เป็นประโยชน์ เปลี่ยนแปลงตอนเองตลอดเวลา ลองหาไอเดียใหม่ๆ นการทำ Content Marketing และหากคิดไม่ได้จริงๆลองหาบริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านนี้มาร่วมทำหรือเป็นพาร์ทเนอร์กันก็ได้
ต้องบอกว่ายุคนี้เป็นยุคที่มีการแข่งขันที่โหดมาก ธุรกิจในวันนี้กระจายการสื่อสารไปในทุกช่องทาง และต่างกลายเป็น Omni Channel กันเกือบจะทั้งหมด และบางรายก็มาทางออนไลน์แบบเต็มตัวเลยด้วย นั่นเท่ากับว่าทุกธุรกิจต่างสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ หาลูกค้าและซื้อขายทุกอย่างผ่านออนไลน์กันได้แทบจะทั้งหมด ทุกธุรกิจจึงต่างระดมพลังของตนเองใช้กลยุทธ์ Content Marketing ในการเข้าถึงและจูงใจลูกค้าด้วยกันทั้งสิ้น จึงเรียกว่าเป็นการแข่งขันที่สูงมาก และโหดมากเสียด้วย ในโลกออนไลน์ ใครช้า และไม่จริงจังมากพอก็ต้องเป็นผู้แพ้ไป การทำ Content Marketing ในวันนี้คุณจึงต้องใจเย็นให้มาก ค่อยๆทำไป ไม่ได้รับความสนใจไม่ได้ลูกค้าวันนี้ไม่เป็นไร ขอให้คุณอย่าท้อทำไปเรื่อยๆและต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ดีจะตามมาเอง แต่ย้ำว่าคุณต้องอดทนรอสักหน่อยเท่านั้น
การทำ Content Marketing ไปนานๆมากครั้ง เราเองก็อาจหมดไอเดียเหมือนกัน หากคุณไม่จ้างบริษัทที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เข้ามาช่วย อีกทางออกหนึ่งก็คือ คุณต้องศึกษาเรียนรู้จากธุรกิจชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งแบรนด์ชั้นนำต่างๆเขาจะมีวิธีการ Storytelling ธุรกิจเขาในรูปแบบที่สร้างสรรค์และสดใหม่อยู่เสมอ เพราะเขามีความพร้อมในด้านงบโปรโมทโฆษณา เราอาจจะไม่ต้องลงไปทำอย่างเขาทั้งหมดก็ได้ แต่ลองนำแนวคิดหรือไอเดียของเขามาดัดแปลงใช้กับวิธีการทำคอนเทนต์ของเราเองก็ได้เช่นกัน วิธีนี้ก็ถือเป็นแนวทางที่ทำให้เราสามารถผลิตคอนเทนต์ที่น่าสนใจออกมาดึงดูดลูกค้าได้อยู่เสมอนั่นเอง
เหล่านี้เป็นแนวทางบางส่วนในการทำ Content Marketing เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่ในความคิด อยู่ในสายตาและอยู่ในใจของลูกค้าอยู่เสมอ หากคุณมีการใช้วิธีการเหล่านี้ในธุรกิจของคุณอยู่เรื่อยๆไม่ว่าจะเจอวิกฤตแบบไหนคุณก็จะสามารถจูงใจลูกค้าให้เข้ามาซื้อได้อยู่ตลอดเวลา แต่จะมากจะน้อยก็อาจจะแตกต่างกันไปตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่รับรองว่ามีลูกค้าเข้ามาสอบถามคุณอยู่เรื่อยๆแน่นอน ลองไปปรับใช้กันดูได้เลย