062-310-6964     sale@getmycrm.com    

แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง เทคนิคมัดใจลูกค้าสำหรับแบรนด์ในยุคดิจิทัล

แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง เทคนิคมัดใจลูกค้าสำหรับแบรนด์ในยุคดิจิทัล



      ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) เผยข้อมูลงานวิจัย “How to Hook” เทคนิคมัดใจลูกค้ายุคดิจิทัล หรือ “แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง” ที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและนักการตลาดต้องหันมาใช้งานกันมากขึ้น
      โดยการใช้กลยุทธ์เอนเตอร์เทนเมนต์แพลตฟอร์ม จะช่วยมัดใจผู้บริโภคได้ดีขึ้น จากพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้บริโภคจำนวน 1,035 คน พบว่าผู้บริโภคยังมีแนวโน้มเสพเนื้อหาความบันเทิงผ่าน แอปพลิเคชั่นยอดนิยม อาทิ Netflix, TikTok, Youtube, Joox และ Spotify โดยมีซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Crash Landing on You , Kingdom และ Game of thrones รวมถึงเล่นเกม ROV, HAYDAY และ LINE GAME

       กลยุทธ์ 4E ยกกำลัง 2 ที่นักการตลาดหรือผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ในการทำการตลาดบนแฟลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจและมีความภักดีต่อแบรนด์ต่อไป ได้แก่

  1. Easy
  2. Engagement
  3. Exclusive
  4. Experience

      ทางด้านของ ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 (COVID – 19) และนโนบาย Social Distancing ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่พบว่าหันมาใช้สื่อออนไลน์ในการใช้ชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อติดตามข่าวสาร ใช้เพื่อการสื่อสาร หรือรับชมความบันเทิงต่าง ๆ ตลอดจนช้อปปิ้งสินค้า ฯลฯ เป็นต้น

จากข้อมูลการวิจัยการตลาดของกลุ่มผู้บริโภค จำนวน 1,035 คน โดยครอบคลุมกลุ่มเจนวาย (Gen Y) กลุ่มเจนเอ็กซ์ (Gen X) กลุ่มเบบี้ บูมเมอร์ (Baby Boomer) และกลุ่มเจนซี (Gen Z) พบว่า 3 กิจกรรมบนแฟลตฟอร์มออนไลน์ที่กลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้นิยมทำบ่อยที่สุด ได้แก่ ติดตามข่าวสาร คิดเป็น 36%

ตามมาด้วยติดต่อสื่อสาร คิดเป็น 20% และดูภาพยนตร์ คิดเป็น 16% ตามลำดับ โดยมีแฟลตฟอร์มออนไลน์ เฟซบุ๊ก (Facebook) เป็นช่องทางที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ติดตามข่าวสารมากที่สุด เนื่องจากมีความหลากหลายของข้อมูล มีความสะดวก รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ตามมาด้วย ทวิตเตอร์ (Twitter) และไลน์ (Line)

      การทำการตลาดแบบ “แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง” ผ่านแพลตฟอร์มความบันเทิงต่างๆ หรือที่เรียกว่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์แพลตฟอร์ม กำลังเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Netflix, Youtube, Joox และ Spotify โดยมีซีรีย์ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Crash Landing on You , Kingdom และ Game of thrones รวมถึงเล่นเกม ROV, HAYDAY และ LINE GAME เป็นต้น

ซึ่งข้อมูลผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า โฆษณาที่จะสามารถมัดใจผู้บริโภคให้รับชมจนจบได้ต้องมีเนื้อหาสนุกสนานขำขันสูงถึง 83% ตามมาด้วยเนื้อหาตื่นเต้นชวนติดตาม 78% และการมีนักแสดงที่ชื่นชอบ 25% ตามลำดับ นอกจากนี้รูปแบบเนื้อหา 3 อันดับแรกที่สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้มากที่สุด ได้แก่

  • รูปภาพ – คิดเป็น 58% เนื่องจากสะดุดตา ดูง่าย และไม่เสียเวลา โดยกลุ่มเจนวายและกลุ่มเจนซีจะหยุดดูรูปภาพที่สวยหรือสื่อความหมายสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของตนเอง ส่วนกลุ่มเจนเอ็กซ์และกลุ่มเบบี้บูมเมอร์จะหยุดดูรูปภาพที่มีข้อความโดนใจ
  • วิดีโอ – คิดเป็น 29% โดยวิดีโอที่มีเนื้อหาตลกและสนุกสนานได้รับความนิยมมากที่สุด ตามมาด้วยวิดีโอที่มีเนื้อหาสั้น ๆ กระชับ และ Cover Video ที่น่าสนใจ ตามลำดับ
  • ข้อความ –  คิดเป็น 13% ซึ่งรูปแบบข้อความที่มัดผู้บริโภคได้อยู่มัดคือต้องมีความกระชับ โดนใจ และสะดุดตา โดยเนื้อหาที่ใช้ควรเป็นประเด็นเด่นหรือข้อมูลสำคัญ

      ทางด้านของ นางสาวจีรวรรณ เอี่ยมสำอางค์  และนางสาวสุธาสินี รวดเร็ว นักศึกษาสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หัวหน้าทีมข้อมูลงานวิจัยและหัวหน้าทีมเก็บข้อมูลงานวิจัย  “How to Hook” เทคนิคมัดใจลูกค้ายุคดิจิทัล กล่าวว่า ทีมวิจัยได้เสนอกลยุทธ์ 4E ยกกำลัง 2 ที่นักการตลาดหรือผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ในการทำการตลาดบนแฟลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อแบรนด์ โดยกลยุทธ์ 4E กำลัง 2 ประกอบด้วย

      4E เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ (Attention)

  • Easy : การสร้างคอนเทนต์ให้เข้าใจง่ายและกระชับ
  • Engagement : ดึงดูดความสนใจด้วยการสร้างเนื้อหาที่มีรูปภาพหรือวิดีโอที่เป็นเชิงไลฟ์สไตล์ มีความสนุกสนานให้เข้าถึงความรู้สึกของคนได้ง่ายเพื่อให้เกิดการอยากมีส่วนร่วม
  • Exclusive : นำเสนอคอนเทนต์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อให้เป้าหมายรู้สึกได้ถึงความพิเศษเฉพาะ
  • Experience : สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แตกต่าง เพื่อทำให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์

      4E เพื่อสร้างความภักดี (Loyalty) ของผู้บริโภคให้มีต่อแบรนด์

  • Easy : แบรนด์ต้องทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย มีความสะดวกสบาย และสามารถเชื่อมต่อทุกความต้องการในการใช้งาน
  • Engagement  : สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ให้ได้มากที่สุด เช่น การทำกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ
  • Exclusive : ให้มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังด้วยการออกแบบสินค้าและบริการแบบเฉพาะบุคคล
  • Experience : สร้างประสบการณ์ที่ดีที่แตกต่างและมีคุณค่าต่อลูกค้า เช่น ระบบสมาชิกสะสมคะแนน เป็นต้น

      อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยยังเผยให้เห็นว่าการเปลี่ยนแบรนด์เกิดขึ้นได้เสมอบนโลกออนไลน์ ดังนั้น นักการตลาดหรือผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์เพื่อป้องกันการเปลี่ยนใจของผู้บริโภคด้วยการหมั่นสร้างความแตกต่าง ผสานการแสดงจุดยืนของแบรนด์อย่างชัดเจนควบคู่ไปกับการสร้างคุณภาพของแบรนด์ในทุก ๆ ด้าน

 691
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์